แนวทางปฏิบัติและเตรียมตัว สำหรับผู้ทำหน้าที่ขับรถบรรทุก

รถบรรทุกหัวลาก
0 Comments

                เคยนึกสงสัยบ้างไหม ว่ารถบรรทุกที่เราเห็นวิ่งกันอยู่ทั่วไปบนท้องถนนมันจะขับยากหรือง่ายแตกต่างกับรถธรรมดาทั่วไปอย่างไร โดยเฉพาะพวกรถบรรทุกหัวลากที่ใช้ขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ ที่ต้องบรรทุกหนัก ๆ จนบางทีรถที่ขับตามหลังก็รู้สึกหวั่นวิตกอยู่ไม่น้อยทีเดียว แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ารถบรรทุกเป็นพาหนะหลักที่ใช้ในการขนส่งซึ่งมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของไทย ทำให้สิ่งของที่เคลื่อนที่ยาก มีขนาดใหญ่ สามารถไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย ผู้ขับขี่ก็เช่นกันต้องมีความรู้ความเข้าใจและความรับผิดชอบไม่น้อยไปกว่าขนาดของตัวรถ เพื่อหลีกเลี่ยงและลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ช่วยส่งเสริมการขับขี่อย่างปลอดภัย โดยมีข้อกำหนดและบทลงโทษตามกฎหมายสำหรับผู้ขับรถบรรทุกโดยเฉพาะ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่มือใหม่และมือเก่าที่จะขับรถบรรทุกต้องรู้

เรื่องจำเป็นต้องรู้สำหรับผู้ขับรถบรรทุกหัวลาก และรถบรรทุกอื่น ๆ

  • ต้องมีใบขับขี่ประเภท 2 การขับรถบรรทุก ไม่ว่าจะเป็นรถบรรทุกหัวลาก รถเทรลเลอร์ รถพ่วง ผู้ที่จะทำหน้าที่ขับขี่ต้องไปทำใบขับขี่ประเภท 2 เสียก่อน โดยใบขับขี่ประเภท 2 แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ใบอนุญาตขับรถทุกประเภท บ.2 สำหรับขับขี่เพื่อขนส่งส่วนบุคคล เช่น รถบัส รถบรรทุก 6-10 ล้อ ป้ายทะเบียนพื้นขาว และใบอนุญาตขับรถทุกประเภท ท.2 สำหรับขับขี่เพื่อขนส่งได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นการค้า รับจ้าง หรือธุรกิจส่วนตัว เช่น รถบัส รถบรรทุก 6-10 ล้อ ป้ายทะเบียนพื้นเหลือง
  • ต้องรู้ข้อกำหนดเรื่องเวลา และพื้นที่จำกัดการวิ่ง ทั้งบนทางด่วนและทางราบ จะมีข้อกำหนดการวิ่งของแต่ละประเภทรถบรรทุก และเวลาที่ให้วิ่งไม่เท่ากัน หากทำผิดข้อบังคับก็จะโดนปรับและมีบทลงโทษตามกฎหมายได้
  • ต้องรู้ข้อจำกัดน้ำหนักในการบรรทุก ทั้งการวิ่งบนทางราบและทางด่วน โดยรถแต่ละขนาดก็จะมีข้อจำกัดน้ำหนักที่แตกต่างกัน ตามเส้นทางแต่ละช่วงมักจะมีตั้งด่านให้เข้าชั่งน้ำหนักเป็นระยะ ๆ หากฝ่าฝืนข้อนี้ ก็โดนบทกฎหมายทั้งจำคุกและปรับเป็นจำนวนเงินได้
  • ต้องมีผ้าคลุมรถ หรืออุปกรณ์ปกคลุมในส่วนที่บรรทุกสิ่งของอย่างแน่นหนา รวมถึงระยะที่ยื่นออกมาจากท้ายรถ และความสูงของหลังคารถอีกด้วย เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันโดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงระหว่างเดินทาง เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อตัวเอง และผู้ร่วมทางคันอื่น ๆ
  • ต้องเปิด GPS หรือสัญญาณบอกตำแหน่งตลอดเวลา เพื่อให้สามารถติดตามพิกัดของรถ และจำกัดความเร็วที่ใช้ในการวิ่งรถได้
  • ต้องติดตั้งแผ่นสะท้อนแสง เพื่อให้ไฟหน้าของรถคันอื่น ๆ สะท้อนแสงไฟแล้วมองเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับรถในตอนกลางคืน และต้องติดตั้งให้ถูกตำแหน่ง
  • ตรวจสอบสภาพของรถ ต้องตรวจสอบสภาพรถให้พร้อมก่อนขับออกไปทุกครั้ง รวมถึงตรวจปริมาณน้ำมันให้เพียงพอต่อระยะทางในการขับ แม้จะมีปั๊มน้ำมันกระจายตามจุดต่าง ๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าน้ำมันหมดเมื่อไหร่ จะมีปั๊มให้เติมเลยทันที โดยเฉพาะการขับรถบรรทุกที่มีขนาดใหญ่ หากรถเสียหรือน้ำมันหมดกลางทาง ก็คงเคลื่อนย้ายได้อย่างยากลำบาก และกีดขวางการจราจรพาหนะอื่น ๆ อีกด้วย

                หลังจากเตรียมตัว เตรียมเอกสารพร้อม สตาร์ทรถออกไปแล้ว หน้าที่ของผู้ขับขี่ก็ยังคงไม่หมด ผู้ขับขี่รถบรรทุกหัวลากรถพ่วง หรือรถเทรลเลอร์ ไม่ว่าจะกี่ล้อก็ตามยังคงต้องมีสติตลอดการขับขี่ และมีสภาพร่างกายและจิตใจที่พร้อมอยู่เสมอ หากรู้สึกอ่อนเพลียหรือง่วงนอนต้องหาที่จอดที่เหมาะสม ไม่กีดขวางทางจราจร และให้สัญญาณกับผู้ขับขี่พาหนะคันอื่น ๆ เพื่อพักผ่อนทันที อย่าฝืนขับต่อไป รวมถึงการคาดเข็มขัดนิรภัย และเมื่อมีการเปลี่ยนเลนต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่ารถทั่วไป ทั้งหมดนี้เป็นความรับผิดชอบไม่ใช่แค่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อส่วนรวมอีกด้วย เท่านี้การขับรถบรรทุกก็เป็นเรื่องง่าย ๆ และรถบรรทุกจะกลายเป็นพาหนะขนาดใหญ่ที่น่ารัก และมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้รถทุกคันบนท้องถนน