เมื่อกล่าวถึงเรื่องของสีพ่นรถยนต์จะเกี่ยวกับสีต่าง ๆ ที่นำมาใช้ในการแต่งรถหรือการพ่นสีให้สวยงาม เป็นที่พอใจของเหล่าคนรักรถ ซึ่งจะมีสีอยู่หลายแบบโดยมีคุณสมบัติและความโดดเด่นต่างกัน บทความนี้ก็พูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับสีพ่นว่ามีแบบไหนกันบ้าง
สีพ่นรถยนต์ ส่วนประกอบที่สร้างความสวยงามให้แก่รถยนต์
ความสำคัญของสีพ่นรถยนต์ก็คือการสร้างลวดลายและทำให้รถเป็นเงาสวย เหล่าคนรักรถย่อมต้องการสิ่งนี้ ไม่เพียงแค่ความสวยงามอย่างเดียว แต่ยังต้องคงทนต่อสารหรือแสงแดดที่มากระทบ ปัจจุบันมีสีคุณภาพอยู่หลากหลาย ถูกผลิตมาจากวัตถุดิบแตกต่างกัน หลัก ๆ แล้วจะมีอยู่ทั้งหมด 3 แบบ นั่นก็คือ สี 1K, สี 2K และสี OEM ซึ่งในแต่ละรูปแบบมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่สามารถสร้างความโดดเด่นสวยงามให้กับรถยนต์ อยู่ที่คนเลือกว่าต้องการใช้สีแบบใดมาพ่นลง
สีพ่นรูปแบบต่าง ๆ ที่ใช้งานได้
สำหรับสีพ่นรถยนต์ซึ่งนำมาใช้เพิ่มความสวยงามให้กับรถยนต์นั้น ดังที่กล่าวไปแล้วจะมีอยู่ทั้งหมด 3 แบบ แต่ละแบบก็มีลักษณะไม่เหมือนกัน โดยจะกล่าวอย่างคร่าว ๆ ได้ดังนี้
- สี 1K หรือที่เรียกว่าสีแห้งเร็ว จะมีองค์ประกอบแค่สีตัวเดียวและอาจนำตัวทำละลายมาผสมร่วมด้วยเพื่อให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น สี 1K จะมีหลายชนิด ได้แก่
- สี 1K ไนโตรเซลลูโลส เป็นสีแห้งตัวเร็วเนื่องจากตัวทำละลายระเหยตัว
- สี 1K อะคริลิก เป็นสีแห้งตัวเร็วเช่นเดียวกับแบบแรก
- สี 1K ซินเทติกอีนาเมล หรือก็คือสีน้ำมัน เป็นสีแห้งตัวช้าเนื่องจากทำปฏิกิริยากับออกซิเจน
- สี 2K เป็นสีแห้งช้าที่มีระบบอยู่ 2 องค์ประกอบ ได้แก่ ตัวเร่งปฏิกิริยาและส่วนของตัวสี เมื่อนำมาผสมกันแล้วจะทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีจนสีแห้งตัว สี 2K มี 2 ชนิด คือ
- สี 2K แบบ โพลียู รีเทน จะเป็นการนำสีอะคริลิกมาผสมกับไอโนยาเทนซึ่งเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาด้วยอัตราส่วนที่ผู้ผลิตกำหนด
- สี 2K แบบ อีพ็อกซี่
- สี OEM เป็นสีที่นำไปใช้กับโรงงานประกอบรถยนต์ โดยมีอยู่องค์ประกอบเดียว แล้วนำตัวทำละลายมาผสมเพื่อให้ใช้งานได้ง่ายกว่าเดิม หากต้องการให้สีแห้งตัวต้องเอาไปอบที่อุณหภูมิ 120-160 องศา เมื่อแห้งแล้วก็จะมีฟิล์มสีซึ่งมีความแข็งแรงทนทานมาก
จากบทความนี้ทำให้เห็นว่าสีพ่นรถยนต์หลัก ๆ แล้วมีอยู่ 3 แบบ เนื่องจากกระบวนการผลิตของสีแต่ละรูปแบบมีความแตกต่างกัน จึงทำให้คุณสมบัติของแต่ละสีจะไม่เหมือนกัน สีทุกแบบสามารถนำไปใช้ผสมพ่นสีรถยนต์ได้ทุกประเภท ทำให้รถเงางาม โดดเด่น ทั้งยังแข็งแรงด้วย